เมื่อมาถึงทุ่งนา กู่หยวนไม่ได้เสียเวลาหยุดดู แต่เดินต่อไปข้างหน้า
โพรงหนูตามขอบทุ่งส่วนใหญ่ถูกขุดไปหมดแล้ว การขุดหาเสบียงที่นี่จึงไม่มีประโยชน์ เป็นเพียงการเสียเวลาเปล่า
อย่างไรก็ตาม ตามสถานที่ห่างไกลออกไปเล็กน้อย—บริเวณเชิงเนินเตี้ย หรือโพรงหนูภูเขาในป่าลึก—อาจยังมีของเหลือให้เก็บเกี่ยวได้
ขณะที่เดินไป อาหวงที่ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขาก็ส่งเสียง จี๊ด จี๊ด สองครั้ง คล้ายเป็นการเตือนภัย
กู่หยวนชะงักไปเล็กน้อย
เขาไม่ได้ตอบสนองออกมาชัดเจน แต่เหลือบมองไปด้านหลังอย่างเงียบ ๆ และพบว่า มีเงาสองร่างลาง ๆ ปรากฏอยู่หลังพุ่มไม้ ห่างออกไปราวร้อยเมตร
“มีคนตามข้า?!”
ใจของกู่หยวนเย็นวาบลงทันที
แต่ภายนอก เขายังคงเดินต่อไปอย่างสงบเสงี่ยม ไม่มีท่าทีผิดปกติแม้แต่น้อย ขณะเดียวกัน สมองก็เร่งประมวลผลอย่างรวดเร็ว
“คนสองคนนั้น ตัวหนึ่งสูง ตัวหนึ่งเตี้ย… ดูคุ้น ๆ น่าจะเป็น ซุนเอ๋อร์ กับ ตงกุ้ย ใช่หรือไม่?”
แม้ว่าหมู่บ้านตระกูลกู่จะใช้แซ่ “กู่” เป็นชื่อ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนในหมู่บ้านจะมีแซ่เดียวกัน ยังมีคนในหมู่บ้านที่ใช้นามสกุล “ซุน” และ “ตง” อีกไม่น้อย
ซุนเอ๋อร์และตงกุ้ยเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลกู่เช่นกัน แต่พวกมันชอบคลุกคลีกับพวกนักเลงในเมือง—วัน ๆ เอาแต่โกงกิน ก่อเรื่องรังแกชาวบ้าน ไม่ทำมาหากิน เป็นที่รังเกียจของคนในหมู่บ้าน
ก่อนที่กู่หยวนจะได้รับพลังลึกลับจากชาติก่อน เขามักจะเว้นระยะห่างจากคนพวกนี้ ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวหรือมีปัญหากับพวกมันเลย ครอบครัวเขายากจนขนาดแทบจะไม่มีข้าวให้หนูกิน จะมีอะไรให้พวกมันมาหมายตาได้?
“งั้นพวกมันตามข้ามาทำไม?”
“หรือจะเกี่ยวข้องกับเฉียนหยุนเจี๋ย?”
ในหัวของกู่หยวนมีแสงประกายขึ้นมาวาบหนึ่ง
ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ—สองคนนี้ต้องไม่หวังดีแน่!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ กู่หยวนจึงเดินตรงเข้าไปในป่า
บริเวณนี้เต็มไปด้วยพุ่มไม้หนาทึบ ง่ายต่อการพรางตัว
หลังจากเดินเข้าไปในป่าได้ระยะหนึ่ง เขาก็ใช้โอกาสนี้ย่อตัวลง แอบอยู่หลังพุ่มไม้ แล้วค่อย ๆ ขยับตัวไปด้านข้างอย่างเงียบเชียบ
ไม่นานนัก คนสองคนที่ตามเขามาก็เดินมาถึงบริเวณนั้น และเริ่มมองไปรอบ ๆ
“หายไปไหนแล้ว? ทำไมอยู่ดี ๆ หมอนั่นถึงหายตัวไป?”
“หรือว่า… มันรู้ตัวว่าถูกสะกดรอยตาม เลยแอบซ่อนตัว?”
“เป็นไปไม่ได้ พวกเรายืนอยู่ไกลขนาดนั้น เจ้านั่นไม่ใช่หมาสักหน่อย จะไปรู้ได้ยังไงว่าถูกตาม?”
“งั้นเอาไงดี พี่กุ้ย? จะรอหมอนี่ตรงนี้ไหม?”
“รอบ้ารอบอ! อากาศออกจะหนาว จะให้ข้ายืนรอทนทรมานอยู่ตรงนี้หรือไง?”
ตงกุ้ยลูบคางพลางครุ่นคิด “เจ้านั่นพกมีดฟืนติดตัวมาด้วย แสดงว่าน่าจะมาหาฟืน ถ้ายังไงก็รอให้มันกลับออกมาแล้วดูว่ามันถือฟืนติดมือมาหรือเปล่า แบบนี้เวลาหวู่กวนถาม พวกเราก็มีข้ออ้างแล้ว”
“ไปกันเถอะ กลับกันได้แล้ว!”
หลังจากที่สองคนนั้นเดินจากไป กู่หยวนก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น สีหน้าของเขาเคร่งขรึม
“หวู่กวนมีความเกี่ยวข้องกับเฉียนหยุนเจี๋ยจริง ๆ! ไอ้แก่สารเลวนั่นจงใจส่งคนมาจับตาดูข้า เห็นได้ชัดว่ามันกลัวว่าข้าจะล้างแค้นและก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา”
ด้วยการที่ตงกุ้ยและซุนเอ๋อร์เฝ้าสังเกตเขาอยู่ ถ้าเขามีการเคลื่อนไหวอะไร หวู่กวนต้องได้รับข่าวทันที และจะมีมาตรการตอบโต้แน่นอน ในสถานการณ์ปกติ กู่หยวนแทบจะไม่มีโอกาสสร้างปัญหาได้เลย
กู่หยวนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ข้าควรพูดประโยคคลาสสิกว่า สามสิบปีล่องน้ำตะวันออก สามสิบปีล่องน้ำตะวันตก อย่าดูถูกเด็กหนุ่มที่ยากจน ดีไหมนะ?”
ไม่ว่าจะอย่างไร เฉียนหยุนเจี๋ยก็เกือบฆ่าเขา ทำให้ครอบครัวต้องเสียเงินเก็บทั้งหมดและขาดเสบียง อุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้พวกเขาผ่านพ้นฤดูหนาวนี้ไปไม่ได้
จากนั้น หวู่กวนยังบุกมาข่มขู่พ่อแม่ของเขา และตอนนี้ก็ถึงขั้นส่งคนมาตามประกบอีก
กู่หยวนจำเรื่องนี้ไว้ทั้งหมด!
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ กู่หยวนจึงเริ่มใช้อาหวงให้มันค้นหาโพรงหนูนาและรังของหนูภูเขา
เมื่อเจอโพรงหนู เขาจะให้อาหวงเข้าไปสำรวจข้างในก่อนว่า มีเสบียงหรือไม่
ถ้าไม่พบอะไร ก็เดินหน้าหาโพรงต่อไป
เขาลองค้นหาโพรงไปสามแห่งติดกัน แต่ก็ว่างเปล่าทั้งหมด
จนกระทั่งถึงโพรงที่สี่ อาหวงที่มุดเข้าไปส่งสัญญาณตอบกลับผ่านสายสัมพันธ์ลึกลับที่เชื่อมโยงกับกู่หยวน
“มีของอยู่ข้างในจริง ๆ!”
กู่หยวนรู้สึกมีแรงฮึดขึ้นมา หลังจากที่อาหวงยืนยันตำแหน่งและคลานออกมา เขาก็เริ่มใช้มีดฟืนขุดโพรงทันที
ผ่านไปสักพัก หน้าผากของกู่หยวนเริ่มมีเหงื่อซึม ร่างกายที่ยังอ่อนแอทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างรุนแรง ลมหายใจหนักหน่วง ข้าวต้มเหลวที่กินเมื่อเช้าคงหมดพลังไปตั้งนานแล้ว
แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะเขาสามารถขุดหลุมลึกลงไปได้ถึงครึ่งเมตร
ที่ก้นหลุม มีธัญพืชบางส่วน เช่น ข้าวเปลือก ถั่วเหลือง และถั่วลิสง
กู่หยวนรีบหยิบถุงผ้าที่พกติดตัวมาออกมา แล้วค่อย ๆ เก็บธัญพืชใส่ถุงอย่างระมัดระวัง เมล็ดเดียวก็ไม่ยอมให้ตกหล่น!
เมื่อเก็บเสร็จแล้ว เขาลองชั่งน้ำหนักดู คร่าว ๆ แล้ว เขาได้เสบียงมามากกว่าสิบชั่ง!
“ขอบคุณสำหรับของขวัญจากธรรมชาติ!”
ใบหน้าของกู่หยวนเผยรอยยิ้ม
ผลลัพธ์ในวันนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า แผนของเขาใช้ได้จริง!
หากเขาขุดโพรงหนูนาเพิ่มอีกสักหน่อย การผ่านพ้นฤดูหนาวไปได้อย่างปลอดภัยก็ไม่ใช่เรื่องยาก!
“จี๊ด จี๊ด จี๊ด!”
ทันใดนั้น หนูนาอ้วนตัวหนึ่งก็กระโดดออกมาจากโพรงข้าง ๆ มันยืนอยู่บนเนินดิน ส่งเสียงร้องด้วยความโมโหราวกับกำลังประท้วงพฤติกรรมทำลายรังและขโมยอาหารของกู่หยวน
“ดีเลย! วันนี้ข้ายังมีเนื้อให้กินอีก!”
ดวงตาของกู่หยวนเป็นประกาย เขาฟาดมีดฟืนลงไปในพริบตา และส่งหนูนาตัวนั้นไปพบพญายม
ภายในหนึ่งชั่วโมงต่อมา กู่หยวนเจอรังหนูนาอีกหนึ่งรัง และขุดเสบียงเพิ่มขึ้นมาอีกกว่าสิบชั่ง ก่อนจะตัดสินใจหยุด
รวมแล้ว วันนี้เขาได้เสบียงมามากกว่ายี่สิบชั่ง!
นี่เพียงพอแล้ว ถ้าเก็บมากกว่านี้จะลำบากในการขนกลับ และอาจดึงดูดสายตาของผู้ไม่หวังดีได้
จากนั้น กู่หยวนก็ไม่อยู่นิ่ง ใช้อาหวงเป็นตัวนำทางเพื่อค้นหาร่องรอยของหนูนาและหนูภูเขาต่อ
ระหว่างทาง เขาก็หยิบถั่วลิสงเล็ก ๆ ป้อนให้อาหวงกินเป็นระยะ
อาหวงไม่รู้ตัวเลยว่ามันได้กลายเป็น “หนูขายชาติ” ไปแล้ว ช่วยกู่หยวนไล่หาโพรงของเผ่าพันธุ์เดียวกัน
จนกระทั่งเที่ยงวัน เมื่อดวงอาทิตย์ลอยสูงขึ้น กู่หยวนก็เก็บเกี่ยวได้อย่างงดงาม
เขาจับหนูภูเขาได้ 2 ตัว และหนูนา 3 ตัว รวมกับตัวที่จับได้ก่อนหน้านี้ รวมเป็น 6 ตัว
เมื่อพบสถานที่ราบเรียบและเงียบสงบ กู่หยวนก็เริ่มก่อไฟทันที
เขาหาใบไม้ใหญ่สองสามใบ นำหนูภูเขาและหนูนาที่ชำแหละเสร็จแล้วมาห่อ จากนั้นฝังลงไปในเถ้าถ่านร้อน ๆ เพื่ออบจนสุก
ไม่นานนัก เมื่อเขาขุดซากไฟที่มอดแล้วและเปิดใบไม้ออก กลิ่นหอมเย้ายวนก็ลอยออกมา
—กลิ่นของเนื้อ!—
“โครก คราก! โครก!”
เสียงท้องร้องของกู่หยวนดังขึ้น เขาหยิบหนูภูเขาที่อบสุกขึ้นมากัดเข้าไปคำแรก
เนื้อนุ่มแน่น กลิ่นหอมลอยฟุ้งไปทั่วปาก!
อร่อยมาก!
แม้ว่าจะไม่มีเครื่องปรุง แต่รสชาติของเนื้อที่แทรกไปด้วยไขมันจากธรรมชาติก็ทำให้กู่หยวนแทบจะร้องไห้ออกมา
“ขอบคุณสวรรค์!”
กู่หยวนแทบจะลืมไปแล้วว่า เนื้อมีรสชาติเป็นอย่างไร
คนภายนอกไม่มีทางเข้าใจความสุขของเขาในตอนนี้ได้เลย!
ต้องบอกเลยว่า เนื้อหนูนานั้นอร่อยจริง ๆ!
หลังจากกินไปสองตัว กู่หยวนก็นำตัวที่เหลือห่อเก็บไว้ เขาตั้งใจจะเอากลับไปให้พ่อแม่ได้ลิ้มรส
จากนั้น กู่หยวนจึงตัดฟืนบางส่วน เอาเสบียงที่ขุดมาได้ซ่อนในกองฟืน ก่อนจะแบกมันกลับบ้านอย่างระมัดระวัง